รีวิว บ่มีวันจาก

รีวิว บ่มีวันจาก

หนังผีไทย สวัสดีครับวันนี้ผมมาแนะนำหนังลาวประเทศเพื่อนบ้านเราหลังจากแอดไปเห็นโพสนึงเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ แล้วดูน่าสนใจมากแอดจึงลองไปดู ส่วนตัวแอดคิดว่าหนังผีจากลาวนั้นไม่เลวเลยจริงๆกับหนังชื่อเรื่อง บ่มีวันจาก (The Long Walk) เล่าเรื่องของชายไร้ชื่อคนหนึ่งที่ใคร ๆ ต่างก็เรียกว่า ‘ลุง’ ที่สามารถมองเห็นวิญญาณของผู้คนที่ตายไปแล้วได้ ควบคู่ไปด้วยกัน เขายังมีความสามารถ ‘เดินทางข้ามเวลา’ ซึ่งเขาก็มักจะย้อนกลับไปในอดีตสมัยที่เขายังเป็นเด็ก และแม่ของเขายังมีชีวิตอยู่

ส ปอย หนัง บ่มีวันจาก คือภาพยนตร์ที่มีกลิ่นอายของวิทยาศาสตร์ แต่ควบคู่ไปด้วยกัน หนังเรื่องนี้ยังได้ผูกโยงความเชื่อแบบศาสนาพุทธ กฎแห่งกรรม และสังสารวัฏเข้าไปด้วย ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี

รีวิว บ่มีวันจาก

รีวิว บ่มีวันจาก

รีวิว บ่มีวันจาก แม้ว่าฉากหลังของ บ่มีวันจาก จะเป็นประเทศลาวในอนาคตอันใกล้ แต่สภาพความเป็นอยู่ของประชาชนกลับไม่ได้แตกต่างไปจากปัจจุบันมากนัก อย่างที่ Mattie Do ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้กล่าวว่า “เมื่อกระแสการพัฒนาเดินทางมาถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศลาว แม้ว่าในแง่หนึ่งสังคมของเราดูจะก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วก็จริง แต่ขณะเดียวกันกลับยังมีผู้คนและพื้นที่อีกมากที่ยังถูกหลงลืมและถูกปล่อยทิ้งไว้ข้างหลัง” ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์

เรื่องย่อ บ่มีวันจาก

รีวิว บ่มีวันจาก

ในอนาคตอันใกล้ ประเทศลาวดูจะแตกต่างจากปัจจุบันอยู่สักหน่อย นั่นเพราะประชาชนทุกคนล้วนฝังชิปในท่อนแขน จับจ่ายใช้สอยสิ่งต่าง ๆ ผ่านเงินดิจิทัลที่รวดเร็วและง่ายดาย ส่วนบุหรี่และยาเส้นก็ถูกแทนที่ด้วยบุหรี่ไฟฟ้าที่หน้าตาทันสมัย และนาน ๆ ที–ระหว่างที่ดำเนินชีวิตประจำวันอย่างปกติทั่วไป–เครื่องบินเจ็ตสักลำหนึ่งก็จะสปีดพุ่งผ่านหัวชาวบ้านไป ปราศจากอาการตื่นตระหนกตกใจ ไม่มีใครรู้สึกว่าเครื่องบินเจ็ตเป็นสิ่งแปลกปลอมอีกต่อไป แม้กระทั่งในประเทศโลกที่สาม

แต่เทคโนโลยีล้ำสมัยเหล่านี้ก็เป็นเพียงแค่ความแตกต่างจากปัจจุบันอยู่ ‘สักหน่อย’ นั่นเพราะสภาพความเป็นจริงซึ่งดำรงอยู่อย่างควบคู่ไปกับความทันสมัยเหล่านี้ คือถนนลูกรัง บ้านไม้ผุพัง และคุณภาพชีวิตของประชาชนที่ยังคงแร้นแค้นอัตคัด ไม่ต่างอะไรจากชีวิตของคนลาวบางพื้นที่ในปัจจุบัน ไม่ต่างอะไรจากอดีตที่ผ่านเลยไปแล้วเป็นสิบ ๆ หรือห้าสิบปี บ่มีวันจาก นักแสดง

เนื้อเรื่อง บ่มีวันจาก

รีวิว บ่มีวันจาก

บ่มีวันจาก (The Long Walk) เล่าเรื่องของชายไร้ชื่อคนหนึ่งที่ใคร ๆ ต่างก็เรียกว่า ‘ลุง’ กิจวัตรประจำวันของเขาในวันหนึ่ง ๆ วนเวียนอยู่กับการหาเหล็กและสายไฟมาขายให้กับร้านชำเก่า ๆ ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง แม้ว่าตัวเลขเงินดิจิทัลที่เจ้าของร้านโอนให้กับลุงผ่านชิพในท่อนแขนจะน้อยแสนน้อย แต่ลุงก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าจำใจยอมรับ หยิบบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นมาพ่นควัน ก่อนจะเดินออกจากร้านไปอย่างเงียบ ๆ

ในด้านหนึ่ง ลุงคือคนขายของเก่าทั่ว ๆ ไป แต่อีกหน้าที่หนึ่งซึ่งเขาปฏิบัติอยู่เรื่อย ๆ โดยไม่มีใครรับรู้คือการ ‘การุณยฆาต’ (euthanasia) เพื่อปลดปล่อยมนุษย์ (ทุกคนล้วนเป็นผู้หญิง) จากความทุกข์ทรมานในวาระสุดท้ายของชีวิต สำหรับลุงแล้วการฆ่าในลักษณะนี้คือความเมตตาอย่างที่สุดสำหรับหลาย ๆ ชีวิต ซึ่งเมื่อเขาได้ปลิดลมหายใจของเหล่าผู้ทุกข์ทนแล้ว ลุงก็จะลำเลียงร่างที่ไร้ชีวิตมาฝังไว้ในสวนดอกไม้เล็ก ๆ ใกล้บ้านไม้ผุพังของเขา สวนดอกไม้ที่เต็มไปด้วยศาลไม้หลังน้อยอันเป็นเสมือนบ้านหลังเล็ก ๆ ของเหล่าวิญญาณผู้ทนทรมานที่ไม่สามารถไปผุดไปเกิดได้ จำต้องวนเวียนอยู่บนโลกต่อไปตราบใดที่ร่างกายของพวกเขายังไม่ถูกประกอบพิธีทางศาสนา

ลุงมองเห็นวิญญาณของผู้คนเหล่านั้น และควบคู่ไปด้วยกันลุงก็สามารถ ‘เดินทางข้ามเวลา’ ได้ การย้อนอดีตคือกิจวัตรที่ลุงทำบ่อย ๆ โดยที่ช่วงเวลาซึ่งเขามักจะย้อนกลับไปอยู่เสมอ คือวันวานที่เขายังเป็นแค่เด็กชายตัวน้อย อาศัยอยู่กับพ่อที่ไม่ได้เรื่อง และแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ 50 ปีก่อน บนถนนดินแดงที่เด็กน้อยจะเดินตุปัดตุเป๋เคียงข้างแม่ของเขาไปนั่งขายผักบนเพิงไม้เล็ก ๆ นั่นคือช่วงเวลาแสนล้ำค่าที่แนบสนิทอยู่ในความทรงจำของลุงอย่างที่ไม่มีเหตุการณ์ใดจะแทนที่ได้

จากอนาคตอันใกล้ ลุงเดินทางย้อนเวลากลับไป ยืนมองตัวเองในอดีตที่ยังคงยิ้มแย้มอย่างไร้เดียงสาได้อยู่ไกล ๆ เพียงเพราะเด็กน้อยยังไม่รู้ว่า แม่กำลังจะจากเขาไปด้วยโรคร้ายที่ไม่มีวันจะรักษาหายได้ภายใต้ทุนทรัพย์ และกำลังแรงของเด็กชายตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งพึงมี บ่มีวันจาก netflix

รีวิว บทสัมภาษณ์ บ่มีวันจาก

รีวิว บ่มีวันจาก Mattie Do ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าว่า หนึ่งในประเด็นที่กลายมาเป็นคำถามสำคัญของ บ่มีวันจาก คือ ‘ถ้าเราสามารถย้อนกลับไปเปลี่ยนแปลงอดีตได้ แล้วใครกันล่ะที่จะยืนยันได้ว่าการกระทำนี้คือสิ่งที่ดีจริงๆ’

สำหรับแมตตี้แล้ว การย้อนเวลากลับไปแก้ไขความผิดพลาดในอดีตดูจะเป็นอะไรที่ชวนให้เคลือบแคลงใจอยู่ไม่น้อย เพราะแม้ว่าในทางหนึ่งทฤษฎีนี้จะฟังดูเย้ายวนชวนฝัน แต่ใครกันล่ะที่จะรับประกันได้ว่า การจะเปลี่ยนแปลงอะไรใด ๆ ในอดีตเพื่อหวังยกระดับคุณภาพชีวิตในปัจจุบันจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่คาดการณ์ไว้ เป็นไปได้จริง ๆ เหรอที่การ ‘บิดผันความเป็นจริง’ ด้วยการย้อนกลับไปปรับเปลี่ยนอดีตจะนำไปสู่การเกิดขึ้นของความเป็นจริงใหม่ที่ดีขึ้นกว่าเดิมอยู่เสมอ

ผ่านเรื่องราวของตัวละครที่สามารถเดินทางข้ามเวลา ฟังดูคล้ายว่า บ่มีวันจาก จะเป็นภาพยนตร์ที่มีกลิ่นอายของวิทยาศาสตร์อย่างเต็มที่ ทว่า sci-fi เป็นเพียงแค่วัตถุดิบเล็ก ๆ ของภาพยนตร์เรื่องนี้เท่านั้น เพราะอีกหนึ่งวัตถุดิบสำคัญคือความเชื่อแบบศาสนาพุทธ กฎแห่งกรรม และสังสารวัฏ

หากลองเชื่อมโยงวัตถุดิบเหล่านี้กับประเด็นของแมตตี้เรื่องการเปลี่ยนแปลงอดีต คำถามคือ หากเราสามารถย้อนกลับไปแก้ไขอดีตได้จริง นั่นเท่ากับว่ากรรมใด ๆ ก็ตามที่เป็นผลลัพธ์จากการกระทำหนึ่ง ๆ ของเราซึ่งเปลี่ยนแปลงไปแล้วจะเท่ากับถูก ‘ยกเลิก’ ไปด้วยไหม พูดอีกอย่างคือ หากอดีตเป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงกันได้ นั่นเท่ากับว่า มนุษย์ก็สามารถเปลี่ยนแปลงกฎแห่งกรรมได้ด้วยหรือเปล่า เพราะหากเป็นเช่นนี้แล้ว นั่นย่อมเท่ากับว่า มนุษย์ไม่เพียงแต่จะเป็นนายใหญ่เหนือกาลเวลา แต่ยังรวมถึงกฎเกณฑ์ใด ๆ ก็ตามที่คอยกำหนดความเป็นไปของมนุษย์อย่างเคร่งครัดเสมอมาอีกด้วย คำสอนที่ว่า ‘กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง’ จึงใช้การไม่ได้อีกต่อไป

เพียงแต่แมตตี้ดูจะไม่เชื่อเช่นนั้น เพราะแม้ว่าการเดินทางย้อนเวลาจะเป็นความสามารถเหนือมนุษย์ แต่ถึงที่สุดแล้ว ลุงก็ยังเป็นแค่มนุษย์คนหนึ่งที่ล้มเหลวในการจะควบคุมผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นของปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปภายใต้การย้อนกลับไปแก้ไขอดีต

เป้าหมายของลุงคือการช่วยให้แม่ของเขาหายป่วยจากโรคร้าย หรืออย่างน้อย ๆ ก็ไม่ต้องทนทรมานอย่างแทบจะเป็นจะตายเมื่อวาระสุดท้ายของชีวิตเดินทางมาถึง ทว่ายิ่งเขาย้อนเวลากลับไปปรับเปลี่ยนอดีตเท่าไหร่ ปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปกลับยิ่งจะฉิบหาย และหลุดพ้นจากการควบคุมไปเรื่อย ๆ แม้ว่าเจตนาในการจะเปลี่ยนแปลงอดีตของลุงจะไม่ได้เลวร้ายอะไรเลยด้วยซ้ำ เพราะเขาเพียงแค่อยากจะรักษาแม่ของตัวเองให้หาย เพียงแต่ ‘เจตนาดี’ กลับดูจะไม่ใช่ประเด็นที่สลักสำคัญสักเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับความอหังการของเขาที่กล้าจะต่อรองและท้าทายกับพลังอำนาจใด ๆ ก็ตามที่ย่ิงใหญ่ และพ้นไกลเกินกว่าที่ตัวเขาจะควบคุมได้ บ่มีวันจาก สรุป

มนุษย์ตัวเล็ก ๆ อย่างเรา ๆ ไม่ได้มีพลังอำนาจมากล้นขนาดนั้นหรอก

บทสรุป บ่มีวันจาก

ใน บ่มีวันจาก กฎแห่งกรรมทำงานอย่างอิสระอยู่เสมอ นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปจึงอยู่นอกเหนือจากการรับรู้ของลุงโดยสิ้นเชิง เขาจะควบคุมเวลาได้ดังใจ หากนั่นก็เป็นคนละเรื่องอย่างสิ้นเชิงกับการจะควบคุมกฎแห่งกรรม

กล่าวคือ เมื่อลุงย้อนกลับไปเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์หนึ่ง ๆ ในอดีต ชุดข้อมูลที่เขารับรู้จึงมีเพียงแค่ความเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ในอดีตที่ลุงเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ลุงเข้าไปช่วยแม่ถือของ ลุงมอบยารักษาโรคให้กับตัวเขาเองในอดีตเพื่อที่เด็กน้อยจะได้ป้อนมันให้กับแม่ แต่พ้นไปจากการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ในอดีตอย่างปุบปับแล้ว ความเปลี่ยนแปลงอื่นใดของตัวละครเหล่านี้ซึ่งล้วนเป็นผลลัพธ์จากการที่ชีวิตของพวกเขาถูกปรับเปลี่ยนกลับหลุดพ้นไปจากการรู้เห็นของลุงโดยสิ้นเชิง ลุงย้อนเวลากลับมาในปัจจุบัน เพียงเพื่อจะพบว่า ชีวิตของเขาได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างหกคะเมนล้มคะมำ ลุงไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าทำไมการเข้าไปเปลี่ยนแปลงเรื่องเล็ก ๆ ที่น่าจะช่วยให้ชีวิตของตัวเองดีขึ้นกลับส่งผลตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง

จากลุงเก็บของเก่าธรรมดา ๆ ไม่มีใครสนใจ แต่อดีตที่เปลี่ยนแปลงไปกลับสร้าง ‘snowball effect’ จนลุงกลายเป็นฆาตกรโรคจิตที่ลักพาผู้หญิงมาข่มขืนกักขังก่อนจะสังหารทิ้งอย่างไร้ความปรานี

การย้อนเวลากลับไปเปลี่ยนแปลงเรื่องเล็ก ๆ ในอดีตส่งผลกระทบต่อปัจจุบันอย่างใหญ่โตมโหฬาร โดยที่ความโหดร้ายของกฎแห่งกรรมใน บ่มีวันจาก อยู่ตรงที่ว่า นอกจากลุงจะไม่สามารถรับรู้ว่า การปรับเปลี่ยนอดีตจะสั่นสะเทือนประวัติศาสตร์ของชีวิตเขายังไงแล้ว ‘ตัวตนเดิม’ ของเขาที่หวนคืนกลับมาสวมทับ ‘ตัวตนใหม่’ ในปัจจุบันซึ่งเปลี่ยนแปลงไปแล้วอย่างสิ้นเชิงก็จำเป็นจะต้องรับผิดชอบต่อทุก ๆ ผลกรรมที่ตัวตนใหม่ของเขาเป็นคนก่อขึ้น

พูดให้ชัดขึ้นคือ แม้ว่าลุงจะไม่ได้มีส่วนข้องเกี่ยวกับการกระทำใด ๆ ที่ตัวตนใหม่ของเขากระทำขึ้นภายใต้อดีตที่เปลี่ยนแปลงไป แต่เพราะเขาคือต้นเหตุของการเขียนอดีตขึ้นใหม่ ลุงจึงต้องรับผิดชอบต่อทุก ๆ การกระทำอันเป็นผลลัพธ์ของประวัติศาสตร์ชีวิตที่ปลี่ยนแปลงไปจนไม่หลงเหลือเค้ารอยเดิม

แต่พ้นไปจากเรื่องของกฎแห่งกรรมและการเดินทางข้ามเวลาแล้ว ‘การพัฒนา’ เป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้

ฉากหลังของ บ่มีวันจาก คือหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในอนาคตอันใกล้ของประเทศลาว ที่ด้วยสภาพของถนนหนทางที่ทอดพาเข้าสู่หมู่บ้านแห่งนี้ยังคงเป็นดินแดง ไม่แปลกหากเราจะรู้สึกว่า พื้นที่แห่งนี้คงจะอยู่ไกลห่างความเจริญอย่างสุดลูกหูลูกตา ทว่าหลังจากที่หนังเริ่มต้นไปเพียงไม่นาน เรากลับพบว่า สภาพแวดล้อมที่ ‘คล้ายว่าจะบ้านนอก’ นี้กลับไม่ได้อยู่ห่างไกลความเจริญอย่างที่เข้าใจ

ไม่ไกลออกไป หนังค่อย ๆ เผยให้เราเห็นฉากหลังของหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ว่าเป็นตึกสูงระฟ้าขนาดมหึมาของเมืองเวียงจันทน์ แมตตี้เคยเล่าไว้ในบทสัมภาษณ์ว่า

“ฉันมองว่าหนังเรื่องนี้เป็นการวิจารณ์สังคมลาวต่อประเด็นการพัฒนา ด้วยฉากหลังของหนังเรื่องนี้คือหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่แม้ว่าในทีแรกจะดูไกลปืนเที่ยง แต่จริง ๆ แล้วหมู่บ้านนี้กลับอยู่ใกล้เวียงจันทน์ เมืองหลวงของประเทศลาวมาก ๆ ฉันคิดว่าเมื่อกระแสการพัฒนาเดินทางมาถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศลาว แม้ว่าในแง่หนึ่งสังคมของเราดูจะก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วก็จริง แต่ขณะเดียวกันกลับยังมีผู้คนและพื้นที่อีกมากที่ยังถูกหลงลืมและถูกปล่อยทิ้งไว้ข้างหลัง ในหนังเรื่องนี้ฉันจึงแสดงให้เห็นความแตกต่างกันอย่างชัดเจนระหว่างพื้นที่แห่งหนึ่งที่พัฒนาแล้วกับพื้นที่อีกแห่งที่ยังไม่ถูกพัฒนา ถนนหนทางยังเป็นดินแดงอยู่ด้วยซ้ำ มันเป็นข้อเท็จจริงของลาวที่น่าเศร้ามากนะ” บ่มีวันจาก เต็มเรื่อง

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *