รีวิว ต้มยำกุ้ง 2005
หนังไทยยุค90 สวัสดีครับผมเชื่อว่าคนวัยทำงานยุคนี้คงจะคุ้นเคยกับประโยคเด็ดนี้อย่างแน่นอน “ช้างกูอยู่ไหน” นั้นคือคำพูดที่ผู้เขียนเคยพูดกับเพื่อนในห้องเรียกสมัยยังอยู่ ม.ต้น เรียกได้ว่ากลายเป็นคำในตำนานแล้วแหละครับ 55 เรื่องราว ว่าด้วยขาม (จา พนม ยีรัมย์) กับการตามหาช้างพ่อลูกที่โดนพวกค้าสัตว์ข้ามชาติจับส่งไปกรุงซิดนี่ย์ ประเทศออสเตรเลียผมดูหนังเรื่องนี้ตั้งแต่เข้าโรงครับ ยอมรับว่าชอบ องค์บาก มากกว่ามาก และสารภาพแบบไม่อ้อมค้อมว่าเฉย ๆ กับเรื่องนี้น่ะครับ ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี
ส ปอย หนัง การกลับมาแท็กทีมกันอีกครั้งของ “ปรัชญา ปิ่นแก้ว, พันนา ฤทธิไกร, พนม ยีรัมย์ (โทนี จา) และ หม่ำ จ๊กม๊ก” ในภาพยนตร์แอคชั่นที่มาเพื่อสร้างปรากฏการณ์ทางรายได้ในระดับเมกาบล็อกบัสเตอร์ ทุ่มทุนสร้างกว่า 300 ล้านบาท สูงสุดรองจาก “สุริโยไท” (2544) ลงทุนยกกองไปถ่ายทำใน “ซิดนีย์ ออสเตรเลีย” พร้อมการมาถึงของแอคชั่นดีไซน์ที่สุดขั้วยิ่งกว่า “องค์บาก” (2546) ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์
รีวิว ต้มยำกุ้ง 2005
รีวิว ต้มยำกุ้ง 2005 ต้มยำกุ้ง (อังกฤษ: Tom-Yum-Goong) เป็นภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้ ที่นำแสดงโดย ทัชชกร ยีรัมย์ หรือ จา พนม ผลงานการกำกับโดย ปรัชญา ปิ่นแก้ว ออกฉายในวันที่ 11 สิงหาคม ปี พ.ศ. 2548 ในประเทศไทย ภาพยนตร์ทำรายได้ในประเทศไทย 183.35 ล้านบาท
“เมื่อพูดถึง ‘ต้มยำกุ้ง’ ต้องนึกถึงคนไทย ประเทศไทย ตอน ‘องค์บาก’ เราเคยพูดถึงมวยไทย และสิ่งที่คนไทยเคารพนับถือไปแล้ว เรื่องนี้ผมจะพูดถึงประเพณีอันดีงาม, วัฒนธรรม และความผูกพันของคนไทยกับ ‘ช้าง’ ที่คนต่างชาติส่วนใหญ่ไม่เคยรับรู้มาก่อนว่า มันลึกซึ้งขนาดที่ว่า ช้างเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรามาตั้งแต่สมัยอดีต และปัจจุบันก็ยังคงเป็นเช่นนั้นอยู่ และ ‘มวยไทย’ ที่มีความสัมพันธ์กับช้างซึ่งเป็นเอกลักษณ์คู่ชาติไทยมาเป็นเวลาช้านาน ในส่วนของ ‘จา พนม’ เรื่องนี้จะมีการใช้ท่ามวยไทยที่ชัดเจนขึ้น และมีท่ามวยที่ยังไม่มีให้เห็นในองค์บาก โดยเนื้อหายังคงเป็นเรื่องร่วมสมัย และจะได้เห็นมวยไทยต่อสู้กับวูซู, K1, แคปโปเอลา มีการเตรียมงานถ่ายทำที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับองค์บาก และเป็นการสานต่อมวยไทยที่เป็นที่ชื่นชอบของคนทั้งโลก”
เรื่องย่อ
การเดินทางข้ามโลกของ “ขาม” (จา พนม ยีรัมย์) เด็กหนุ่มบ้านป่าที่ชีวิตต้องพลิกผันโดยเงื้อมมือของผู้มีอิทธิพลระดับประเทศที่ลักพาช้างพลายสองพ่อลูก ซึ่งเด็กหนุ่มและ “พ่อของขาม” (โสรธร รุ่งเรือง) เขารักดั่งชีวิต และมีความมุ่งหมายอันสูงสุดที่จะมอบเป็นคชบาทแด่ในหลวง ไปขาย ณ ประเทศออสเตรเลีย ทางเดียวที่จะช่วยเหลือและรักษาชีวิตของช้างอันเป็นที่รักของเขาได้ นั่นก็คือ การบุกตะลุยถึงถิ่นเสือ โดยการเดินทางข้ามโลก
เรื่องไม่ง่ายอย่างใจคิด แม้เขาจะได้รับความช่วยเหลือจาก “จ่ามาร์ค” (หม่ำ จ๊กมก) นายตำรวจไทยและ “ปลา” (บงกช คงมาลัย) สาวไทยที่ถูกหลอกมาขายตัวในซิดนีย์ก็ตาม แต่ที่นั่น เขากลับต้องไปพัวพันกับการไล่ล่าของแก๊งค์มาเฟียที่นำโดย “มาดามโรส” (จิน ซิง) ที่มีลูกสมุนต่างชาติที่เต็มไปด้วยฝีมือทางการต่อสู้อย่าง “จอห์นนี่” (จอห์นนี่ เหงียน) และ “ทีเค” (นาธาน โจนส์) พร้อมลูกสมุนย่อยที่มีฝีไม้ลายมือทางการต่อสู้เหลือรับอย่าง “คาโปเอร่า” (ลาธีฟ คราวเดอร์) และ “วูซู” (จอน ฟู) อย่างไม่ได้ตั้งใจ
ณ วินาทีนี้ การต่อสู้ข้ามชาติเพื่อเอาชีวิตรอดของเด็กหนุ่มและเพื่อนพ้อง ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เพื่อตามหาและช่วยเหลือ พ่อใหญ่ และ ขอน ช้างพ่อลูก ที่เปรียบได้กับญาติพี่น้องของเขา นำไปสู่บททดสอบและการต่อสู้ครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาให้โลกได้ล่วงรู้ถึง อานุภาพของ “ไม้มวยไทยโบราณ” ที่หนักหน่วง รุนแรง และยังไม่เคยได้รับการเปิดเผยมาก่อน โดยเฉพาะ “ตำนานมวยคชสาร” หนัง ต้ม ยํา กุ้ง Pantip
ความรู้สึกหลังรับชม
จุดขายของหนังก็คือฉากแอ็กชัน ซึ่งก็ไม่เลวน่ะครับ การออกลีลาบู๊ของพี่จาและเหล่าสตันท์ถือว่าน่าพอใจ แต่จะน่าเสียดายนิด ๆ ตรงการตัดต่อที่บางฉากก็ไวไปจนไม่เห็นลีลาบู๊ หรือบางซีนก็จับภาพในมุมที่ยังไม่โดนหรือไม่ทำให้เร้าใจเท่าไร แต่อย่างฉากอัดกันแบบ Long Take ที่ร้านอาหารต้มยำกุ้งนั่นทำได้ดีครับ การเตรียมคิววางกล้องไล่ตามนี่ถือว่าน่าปรบมือทีเดียว
ด้านฉากบู๊ถือว่าโอเค แต่จุดที่ผมและเชื่อว่าหลายคนคงเห็นตรงกันคือบทที่ดูโล่งโถงเกินไป บางอย่างก็ดูไม่สมเหตุผล อย่างตอนต้นที่พ่อของขามโดนยิง คือเสียงปืนมันก็ดังน่ะนะครับ พี่ขามก็ได้ยิน แต่พี่ขามแกเอาแต่ตามช้างอย่างเดียว คือพ่อทั้งคนนะครับ ไม่คิดจะพาไปหาหมอก่อนเลยรึ
แล้วช่วงท้ายของหนังก่อนการต่อสู้ช่วงไคลแม็กซ์นั่น หนังมีฉากพี่ขามแกแสดงความสะเทือนใจแบบจัดเต็มกับชะตากรรมของช้าง ยืนเศร้าหมดอาลัยอยู่นานมาก ขนาดโดนพวกลิ่วล้อตัวร้ายอัดก็ยังไม่มีแรงตอบโต้…ในขณะที่ฉากพ่อโดนยิง ไม่มีอะไรสื่อเลยว่าพี่เศร้า… เข้าใจครับว่าอยากสื่ออารมณ์ว่าพี่ขามกับช้างผูกพันกันแค่ไหน แต่… มันดูตลก ๆ อยู่นา
ผมไม่รู้นะครับว่าฉากดราม่าในหนังที่โดนตัดออกตามคำสั่งเบื้องบนน่ะมีฉากอะไรบ้าง เคยได้ยินว่าจริง ๆ หนังมีบท มีซีนดราม่าพอสมควรแต่ก็โดน “คนบางคน” สั่งให้หั่นออกไปจนหนังดูเบาไปเลย
ผมอยากให้ “คนบางคน” นั้นดู Taken เป็นตัวอย่างครับ นี่ก็หนังว่าด้วยการตามล่า “สิ่งที่หายไป” เหมือนกัน แต่ทำไมมันถึงมันส์ มันถึงทำให้เราอิน และมันถึงทำให้เราเชื่อว่าพระเอกยินดี “ตามไปสุดหล้า เพื่อเอาลูกข้าคืน” ซึ่งคำตอบก็คือสัดส่วนที่พอเหมาะของดราม่ากับแอ็กชันนี่แหละ ต้มยํากุ้ง 1 doomovie
รีวิว ต้มยำกุ้ง 2005
รีวิว ต้มยำกุ้ง 2005 เรื่องนี้ผมไม่ตำหนิทีมงานครับ เชื่อว่าทุกท่านพยายามแล้ว และจริง ๆ คือพวกท่านทำได้น่าพอใจด้วย ฉากบู๊แต่ละฉากนี่ทุ่มเทเจ็บจริง แต่ก็เหมือนทุกสิ่งนั่นแหละครับ ที่หากไม่มีสมดุลย์เพียงพอรสชาติมันก็จะไม่กลมกล่อม ซึ่งก็เข้าใจเช่นกันว่าบางครั้งอิสระในการสร้างสรรค์ผลงานในบางค่ายก็ยังถูกจำกัดโดยเจ้าของทุนอยู่
ถือว่าเป็นภาพยนตร์แจ้งเกิดของ จา พนม ของเราเลยก็ว่าได้ มึงแม้ว่าฟอร์มหนังจะน้อยกว่า องค์บาก กว่ามาก แต่บทบาทและการเรียบเรียงเนื้อเรื่องถือว่าเข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน ฉากบู๊ก็สู้กันได้มันส์หยดจริง ๆ แถมแต่ละฉากนี่ ยังทำเอาฝรั่งร้องกรี๊ดเลยก็มี ถือว่าเป็นภาพยนตร์ไทยน้ำดีอีกเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้ ต้ม ยํา กุ้ง 1 ไม่มี โฆษณา
สรุป
ถ้าถามว่าชอบอะไรในเรื่อง ผมชอบโลเกชั่นตอนขามกราบช้างที่ริมผาครับ สวยมาก นั่นแหละคืออะไรที่แสดงถึงความงดงามแบบไทยๆ ได้โดยไม่ต้องปรุงแต่งเซ็ทฉากอะไรให้มากมาย ซึ่งเอกลักษณ์ของประเทศไม่จำเป็นว่าต้องเป็นคน สัตว์ หรือสิ่งของเสมอไป แต่การจับภาพบรรยากาศอันน่าภูมิใจของบ้านเรา มรดกทางธรรมชาติที่ประเมินค่าไม่ได้ของบ้านเรานั่นก็น่าจะเข้าข่ายฉายภาพแบบไทยๆ ได้เหมือนกัน
โดยรวมถือเป็นหนังแอ็กชันที่ดูได้ครับ เสียแต่บทนี่แหละที่ทอนความน่าสนใจของหนังลง และขอกระซิบนิดๆ ว่าฉากแอ็กชันบางฉากในเรื่อง ผมก็แอบเฉยเหมือนกัน ต้ม ยํา กุ้ง 1 เต็มเรื่อง HD
ข้อมูลภาพยนตร์ ต้มยำกุ้ง
กำหนดฉาย 11 สิงหาคม 2548
แนวภาพยนตร์ แอ็คชั่น
อำนวยการสร้าง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ
ควบคุมการสร้าง ปรัชญา ปิ่นแก้ว, สุกัญญา วงศ์สถาปัตย์
กำกับภาพยนตร์ ปรัชญา ปิ่นแก้ว
กำกับภาพ ณัฐวุฒิ กิตติคุณ
บทภาพยนตร์ เนปาลี, ปิยรส ทองดี, โจ วรรณพิณ, คงเดช จาตุรันต์รัศมี