รีวิว รักเว้ยเฮ้ย
หนังไทยยุค90 สวัสดีจ้าวันนี้ผมมาแนะนำหนังไทยเก่าๆอีกเรื่องนึงมาแนะนำเพื่อนๆกันนะครับ ถึงแม้หนังนี้จะผ่านกาลเวลามามากแล้วแต่ก็ยงคงอยู่ในความทรงจำของใครหลายๆคนอย่างเช่นผมนะ รักเว้ยเฮ้ย อีกภาพยนตร์ของเด็กแนวที่ไม่ต้องหวังเนื้อหาสาระ นี่เป็นหนังไทยเรื่องแรกๆเลยที่ผมชอบหนังอาจจะไม่ได้มีสตอรี่อะไรมากมาย แต่หากต้องการขำกับความบ้า ๆ บอ ๆ ของนักแสดง และ จดมุขเสี่ยว ๆ ไปใช้จีบสาว ภาพยนตร์เรื่องนี้คงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในสัปดาห์นี้ ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี
ส ปอย หนัง หนังรักแบบแนว ๆ นำโดยสตาร์บัค สาระแน พระเอกที่เป็นสัญลักษณ์ “หนังแนว” ไปแล้ว รับบทเป็น “ลวก” ดันไปปิ๊งรัก “โต๊ะอี้” โดย ชญานุช บุญธนาพิบูลย์ VJ อิ๊ง จาก Charnal V Thailland ด้วยความที่เป็นคนเชย ๆ แนว ๆ เลยไม่กล้าจีบสาวที่เขาแอบรัก จึงต้องไปปรึกษา “น้าหมา” โดย นาคร ศิลาชัย ด้วยการแนะนำวิธีแบบพิศดาร ความรักของหนังเรื่องนี้จึงออกมา “แนว” ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์
รีวิว รักเว้ยเฮ้ย
รีวิว รักเว้ยเฮ้ย รักเว้ยเฮ้ย จัดจำหน่ายโดย สหมงคลฟิล์ม กำหนดฉายหนัง 12 มกราคม 2555 เรื่องย่อหนัง รักเว้ยเฮ้ย “ลวก” หนุ่มช้ำรัก กับ “น้าหมา” หนุ่มนักรัก เมื่อต้องบังเอิญมาเจอกัน เขาทั้งคู่จึงเริ่มลงมือปฏิบัติการเผด็จศึกพิชิตใจสาว ด้วยลีลาการจีบสาวขั้นเทพ ทั้งแปลก ทั้งแหวก และ ทั้งเพี้ยนจนสาว ๆ จะต้องกรี๊ดดดด..เว้ยเฮ้ย!!! “ลวก” (รับบทโดย สตาร์บัค สาระแน) หนุ่มโปรแกรมเมอร์หน้าตาสุดเนิร์ด แต่งตัวสุดติ๋ม แถมยังอ่อนหัดด้านลีลารัก จีบใครมันก็แห้ว จีบกี่ครั้งมันก็วืด ชีวิตมีแต่โดนทิ้ง! ทิ้ง! ทิ้ง! และ ทิ้ง!แต่ลวกก็ยังไม่เข็ด ดัปปิ๊งรัก “โต๊ะอี้” (รับบทโดย ชญานุช บุญธนาพิบูลย์) เธอคือ ดีเจสสาวสุดฮ๊อต สวยสุดเปรี้ยว หนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่ตามจีบกันให้วุ่นวาย “นางฟ้าโต๊ะอี้…ของลวก”.แหวะ! มุกเลี่ยน ๆ เสี่ยว ๆ เชย ๆ ไม่มีสาวคนไหนเขาเล่นด้วยหร้อกกลวกจึงคอตกหมดหวัง แต่แล้วฟ้าดันประทานเทพบุตรนักรัก “น้าหมา”(รับบทโดย เปิ้ล นาคร) หนุ่มเก๋ารุ่นใหญ่จอมเพี้ยน กูรู หรือ กูรู้ด้านการจีบสาวระดับปรมาจารย์มาให้แด่ลวก ปฏิบัติการภาระกิจจีบสาวจึงเริ่มต้นขึ้น “น้าหมากับลวก” สองคู่ซี้ดูโอ้จะมาปั่นป่วน และ เข้าไปวิ่งเล่นในหัวใจสาว ๆ แบบไม่ทันตั้งตัว ด้วยวิธีจีบสาวสไตล์(น้า)หมา ๆ ที่สาวเจอยังต้องกรี๊ดด…ตุ๊ด แต๋ว เจอยังต้องสยบ กับหนังรักฮาอารมณ์ดี ที่จะชวนให้ทุกคนตะโกนบอก “รักเว้ยเฮ้ย!” รายชื่อนักแสดงนำ เปิ้ล นาคร ศิลาชัย พงศ์ปรีชาบริสุทธิ์กุล(สตาร์บัค สาระแน) ชญานุช บุญธนาพิบูลย์ ผู้กำกับ กุลชาติ จิตขจรวานิช
เรื่องย่อ
“ลวก” (สตาร์บัค สาระแน) หนุ่มโปรแกรมเมอร์หน้าตาสุดเนิร์ด แต่งตัวสุดติ๋ม แถมยังอ่อนหัดด้านลีลารัก จีบใครมันก็แห้ว จีบกี่ครั้งมันก็วืด ชีวิตมีแต่โดนทิ้ง! ทิ้ง! ทิ้ง! และ ทิ้ง! แต่ลวกก็ยังไม่เข็ด ดันไปปิ๊งรัก “โต๊ะอี้” (ชญานุช บุญธนาพิบูลย์) เธอคือดีเจสสาวสุดฮอต สวยสุดเปรี้ยว หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ตามจีบกันให้วุ่นวาย
“นางฟ้าโต๊ะอี้ของลวก” แหวะ! มุกเลี่ยน ๆ เสี่ยว ๆ เชย ๆ ไม่มีสาวคนไหนเขาเล่นด้วยหร้อก ลวกจึงคอตกหมดหวัง แต่แล้วฟ้าดันประทานเทพบุตรนักรัก “น้าหมา” (เปิ้ล นาคร) หนุ่มเก๋ารุ่นใหญ่จอมเพี้ยน กูรูหรือกูรู้ด้านการจีบสาวระดับปรมาจารย์มาให้แด่ลวก
ปฏิบัติการภารกิจจีบสาวจึงเริ่มต้นขึ้น “น้าหมากับลวก” สองคู่ซี้ดูโอจะมาปั่นป่วน และ เข้าไปวิ่งเล่นในหัวใจสาว ๆ แบบไม่ทันตั้งตัว ด้วยวิธีจีบสาวสไตล์(น้า)หมา ๆ ที่สาวเจอยังต้องกรี๊ดด ตุ๊ดแต๋วเจอยังต้องสยบ กับหนังรักฮาอารมณ์ดีที่จะชวนให้ทุกคนตะโกนบอก “รักเว้ยเฮ้ย!”
ความรู้สึกหลังรับชม
ผมรู้สึกว่าหนังพยายามยัดเยียดหลายสิ่งหลายอย่างเกินไปตั้งแต่เปิดเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นคาแรคเตอร์ตัวละคร เช่น นางเอกต้องเป็นคนสวย เป๊ะ หรือพระเอกต้องเป็นคนเอ๋อ เนิร์ด หากผู้สร้างเลือกหาจังหวะเปิดตัวนางเอกดี ๆ หรือให้เวลาพระเอกได้แสดงพฤติกรรมกิริยามากขึ้นตอนต้นเรื่อง ผมคงจะสัมผัสได้เหมือนกัน และ คลายความอึดอัดลง
หากจะกล่าวเนื้อหาโดยรวมของหนังอีกครั้งแล้ว เป็นเรื่องของชายที่รู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยได้เจอเจ้าหญิงแสนสวย และ เลือกเล่นของสูง จึงคิดพยายามหาทาง และ ลงมือจีบ ซึ่งโชคได้เข้าข้างจนได้สมหวัง พอคบไปสักพักเกิดการทะเลาะ มีความเห็นไม่ตรงกันบ้างเป็นธรรมดา และ ฝ่ายหญิงโกรธ ฝ่ายชายจึงต้องตามง้อ ว่าไปแล้วการดำเนินเรื่องไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมากนัก ซึ่งน่าจะทำให้ผู้ชมรู้สึกคล้อยตามเนื้อเรื่องได้ไม่ยาก แต่เพราะความธรรมดาเกินไป ที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากนัก หรือใส่เหตุการณ์ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญ จึงทำให้หนังอาจดูน่าเบื่อบางช่วงบางตอนได้เช่นกัน
แม้หนังจะอาศัยมุขเสี่ยว ๆ บทตลกอ้วก ตลกเจ็บตัว และ ดึงฉากนั่งเรือที่ทะเลบางขุนเทียนมาเป็นจุดขายโรแมนติกในช่วงท้าย แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้หนังมีพลัง ฉากอื่น ๆ ตลอดเรื่อง งานสร้าง สถานที่ถ่ายทำ และ ภาพแทบไม่มีส่วนช่วยส่งเสริมบรรยากาศหนังให้น่าติดตาม และ มีแรงดึงดูดเลย
ฉากเดียวเท่านั้นที่ผมรู้สึกเชื่อจนแอบเศร้าตาม คือฉากเมื่อนางเอกเป็นแฟนกับพระเอกแล้ว กลับไม่มีใครสนใจน้าหมา ซึ่งเป็นคนช่วยผลักดันความรักของทั้งคู่ให้จูนเข้าหากัน ผมเห็นแววตาของเปิ้ล นาครที่ถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างดี แต่ผมก็รู้สึกในช่วงสั้น ๆ เท่านั้น เพราะผู้สร้างไม่ได้ให้เวลากับตัวละครได้เล่นตามบทบาทหรือให้เวลากับเนื้อหาดำเนินต่อไป
รีวิว รักเว้ยเฮ้ย
รีวิว รักเว้ยเฮ้ย เรื่องนี้มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับดีเจ ผมคิดว่าไลฟ์สไตล์ของวัยรุ่นยุคนี้นอกจากดูหนังแล้ว ก็จะชอบการฟังเพลง ฟังวิทยุครับ บวกกับส่วนตัวผมเองเป็นคนชอบฟังวิทยุอยู่แล้วด้วย จึงนำเรื่องราวความรัก และ อาชีพดีเจมาทำเป็นหนัง จะว่าไปส่วนตัวลึก ๆ ผมเองก็มีความคิดอยากเป็นดีเจเหมือนกัน สมัยก่อนอาชีพดีเจมันค่อนข้างยากนะ แต่สมัยนี้ยุคนี้ใคร ๆ ก็หันมาทำอาชีพดีเจกันได้ง่ายมากขึ้น ในเมื่อผมไม่มีโอกาสเป็นดีเจก็เลยจับเอามาใส่ลงในหนังซะเลยครับ โดยที่ตั้งใจทำออกมาเป็นแนวคอเมดี้ โรแมนติก เน้นความฮา และ ตลกนำหน้า ส่วนเส้นเรื่องจะเป็นเรื่องราวของผู้ชายคนนึง ที่คิดว่าตัวเองสถานะต้อยต่ำ และ ด้อยกว่าผู้หญิงที่ตังเองแอบชอบ เป็นพวก underdog แต่พยามทำตัวให้สูง และพัฒนาเท่าเทียม เพื่อต้องการให้ผู้หญิงหันมามอง ผมว่าผู้ชายหลายคนมีปัญหาแบบนี้นะ สำหรับความตั้งใจเน้นคอเมดี้นั้น ผมอยากให้คนดู ดูแล้วอารมณ์ดีมีความสุข เพราะช่วงที่ผ่านมาเราเจอแต่เรื่องเครียด ๆ ไม่ว่าจะ น้ำท่วม เรื่องเรียน เรื่องแฟน อกหัก ก็เลยอยากให้ลืมเรื่องเครียด ๆ คิดว่าดูหนังแล้วมีความสุขแค่นี้เราก็รู้สึกดีแล้วครับ”
สรุป
ถึงจะเป็นภาพยนตร์ ดูแล้วเพลินตาเพลินใจอย่างไรก็ตาม แต่ก็ยังมีจุดบกพร่องตรงที่บทของเรื่องตามสไตล์หนังไทยแนวนี้อยู่นั่นเอง ไหนจะสร้างบุคคลิกตัวละครให้ดูเกินจริง น่ารำคาญอีก
สิ่งที่ผมเห็นด้วยสองอย่างในหนัง สิ่งแรกคือความไม่มีเหตุผลที่นางเอกโกรธพระเอก ซึ่งนางเอกไม่ได้พยายามจะเข้าใจ และ ฟังคำอธิบายใด ๆ จากพระเอก นั่นแหละคือความจริงของผู้หญิง และ สุดท้ายคือคำถามที่เกิดกับตัวเองว่า ทำไมนางเอกถึงรักพระเอกได้ นั่นอีกแหละคือคำตอบของความรักที่ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล
อย่างไรก็ตามหนังเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความรักมันไม่ได้หวานแหว๋ว และ สวยงามตลอดเวลา ต้องมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง เป็นเรื่องปกติ ความรักเป็นเรื่องของกลวิธีการรักษาความรักให้ได้ยาวนานที่สุดนั่นเอง แค่ให้รู้ว่า รัก..เว้ย..เฮ้ย
เอาไปเลย 6/10