รีวิว เราสองสามคน
หนังไทยยุค90 ก่อนอื่นเลยนะครับ ผมต้องขอชมผู้กำกับ ที่ทำหนังดีออกมานะครับ ถึงจะเคยดูเมื่อนานมากๆมาแล้ว แต่ก็ยังชอบครับ บอกไม่ถูกเลยว่ารู้สึก ดีใจสักเท่าไหร่ และก่อนที่ผมจะได้เดินเข้าโรงไปดูหนังเรื่องนี้ ‘เรา สองสาม คน’ หรือ ‘That Sounds Good’ ของ เรียว กิตติกร เลียวศิริกุล ยอมรับว่า เนื้อเพลงเพลงนี้ลอยวนอยู่ในหัวมาตลอดหลายวัน เมื่อผนวกรวมเข้ากับภาพต่างบ้านต่างเมือง และพระนางที่หลายคนชื่นชอบ มันกลายเป็นหนังที่พอได้ดูตัวอย่างปุ๊บ ความรู้สึกอยากดูก็ปรากฏขึ้นปั๊บเลย
ชื่อภาพยนตร์ : เรา สองสาม คน
ผู้กำกับ : กิตติกร เลียวศิริกุล
แนวภาพยนตร์ : Romantic/Comedy
นักแสดง : เจ มณฑล, พลอย รัตนรัตน์ เอื้อทวีกุล, ยิปโซ รมิตา มหาพฤกษ์พงศ์, ต้าร์ บาร์บี้, ไนซ์ จิรรท วงศ์โฆษวรรณ
ส ปอย หนัง หนึ่งชายสองหญิงที่มะรุมมะตุ้มกันในวันเที่ยว 3 ประเทศด้วยจี๊ปคันส้ม คาราวานพันธุ์จี๊ป 7 คัน เดินทางจากเมืองไทย ข้ามไปลาว และไปเวียดนาม พร้อม ๆ กับเรื่องรัก ๆ ที่ก่อตัว แตกใบ และผลิบาน ในเวลาชั่วทริปเดียว กลายเป็นหนังรักโรแมนติกคอมมิดี้ ที่ดึงดูดด้วย พระเอกอย่าง เจ มณฑล นางเอกอย่าง พลอย รัตนรัตน์ และ ยิปโซ รมิตา ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี
รีวิว เราสองสามคน
รีวิว เราสองสามคน จะว่าไปแล้ว โร้ดมูฟวี่อย่าง “เมล์นรก หมวยยกล้อ” ที่หลายคนชื่นชมก็เคยถูกผมไม่ชอบขี้หน้ามาแล้ว มาคราวนี้ เรียว กิตติกร ยังคงทำโร้ดมูฟวี่อีกครั้ง หากเปลี่ยนเป็นเรื่องรักบ้าง ความรู้สึกที่มีต่อ “เรา สองสาม คน” ยังเหมือนเดิมคือ มีอะไรแอบแฝงในสิ่งที่เห็น ได้อารมณ์ความรู้สึก แต่บางอย่างขาดหาย
ภาพทิวทัศน์ของบ้านเมืองลาวและเวียดนามที่เรายังไม่เคยไป ไม่เคยเห็น ถ่ายทำได้สวยดี ส่วนการดำเนินเรื่องที่เส้นเรื่องค่อนข้างเป็นเส้นตรง อาจจะดูไม่ค่อยหวือหวา หาความตื่นเต้นไม่ค่อยได้ แต่การแสดงที่ค่อนข้างเป็นธรรมชาติกลายเป็นจุดเด่นที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้ มุกตลกมากมายถูกจัดใส่มาอย่างไม่ยั้ง มีทั้งอมยิ้ม และหัวเราะก๊าก ก็เรามีสาวเปิ่น ๆ ที่ออกตัวแรงมาตั้งสองคนนี่นา
คาราวานออฟโรดที่นำโดยถั่วเขียว(ตาร์ บาร์บี)กับผิงแฟนสาวขี้งอน ส้มฉุน(เจ)ที่มีสองสาวหูตึงสุนทรีย์กับเต๋อ(ยิปโซ)สาวสายตาสั้นมากขอติดรถไปด้วย เวลาจะพูดกับสุนทรีย์จะต้องให้เห็นปากกับตาเพราะเธอจะอ่านปากกับจับความรู้สึกจากตา สุนทรีย์ที่หูไม่ดีเลยฟังผิด ๆ ถูก ๆ คิดว่าส้มฉุนชอบ เลยออกตัวแรงมาก ต่อมาเต๋อเมาเบียร์ส้มฉุนตามไปดูแล วันต่อมาแว่นของเต๋อหายทำให้เต๋อเข้าใจผิดคิดว่าส้มฉุนจีบตัวเอง ทีนี้พอสุนทรีย์มาปรึกษาเรื่องความรักเต๋อเลยออกอาการน้ำท่วมปาก
เต๋อเจอแว่น สุนทรีย์เจอถุงยางในรถส้มฉุนเลยปะติดปะต่อเรื่องราวไปเองว่าคืนนั้นเต๋อกับส้มฉุน….. แล้วสุนทรีย์ก็ขอย้ายรถ เต๋อถามส้มฉุนจนรู้ว่าจริง ๆ แล้วตัวเองเข้าใจผิดเลยขอย้ายรถไปมั่ง ต่อมาสองสาวคุยกันว่าจะกลับก่อน คาราวานเลยไปส่งที่สนามบิน แล้วส้มฉุนก็บอกว่าชอบสุนทรีย์ผ่านวอแต่สุนทรีย์หูตึงฟังไม่รู้เรื่อง พอถึงสนามบินส้มฉุนมาสารภาพว่าชอบสุนทรีย์แต่ไม่รู้ว่าจะจีบยังไง ส้มฉุนชวนสุนทรีย์ไปเที่ยวด้วยกันต่อ สุนทรีย์เลยมาชวนเต๋ออยู่เป็นเพื่อน แล้วสุดท้ายก็เหลือแค่เราสองคนกับเต๋อบนรถคันอื่น
เรื่องย่อ
เมื่อสุนทรีย์สาวหูตึงหลงรักหนุ่มออฟโรดที่ชื่อส้มฉุนในทริปคาราวานทัวร์ออฟโรดไปเวียดนาม…ในระหว่างการเดินทางเธอได้ปะติดต่อเรื่องราวความรักของเธอกับ ส้มฉุนด้วยความเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างเพราะเครื่องช่วยฟังไม่ค่อย ชัดนัก…สุนทรีย์กลับพบว่าเต๋อเพื่อนสาวสายตาสั้นจอมเฟอะฟะที่ ร่วมเดินทางมาพร้อมกันในครั้งนี้คือคนที่ส้มฉุนจีบและทั้งสองแอบใจตรงกัน“แต่ความรู้สึกของเต๋อละ”เธอจะทำยังไงกับความรู้สึกของเธอ… ตัดสินใจปล่อยให้เพื่อนเจ็บ…เชื่อตามที่สุนทรีย์บอกว่าเธอคือคนที่
ส้มฉุนจีบในยามที่เธอมองเห็นชัดบ้างไม่ชัดบ้าง หรือ ทำเป็นหูดับแล้วเดินจากไป ภาพยนตร์เรื่อง “เรา สองสาม คน” เป็นภาพยนตร์การเดินทางด้วยรถออฟโรด ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดการเดินทาง 29 วัน ที่ยาวนานผ่านแดนระหว่าง3ประเทศ กับระยะทางที่ยาวไกลถึง 4,000 กิโลเมตรในเส้นทางอินโดจีนหมายเลข9ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับส้มฉุนเลย แต่..เขา ไม่รู้หรอกว่าอุปสรรคที่แท้จริงของการเดินทางครั้งนี้ของส้มฉุน คือ..เสน่ห์ของสาวคนพิเศษที่ร่วมเดินทางในครั้งนี้ต่างหาก… เราสองสามคน คอร์ด
ความรู้สึกหลังรับชม
ก่อนอื่นต้องขอชมผู้กำกับ “คุณเรียว กิตติกร เลียวศิริกุล” ที่สามารถบอกเล่าเรื่องราวผ่านตัวละครออกมาได้อย่างสมบูรณ์ ตัวละครแต่ละตัวมีเอกลักษณ์ชัดเจน ทำให้เนื้อหาของเรื่องที่ดูไม่ได้มีอะไรมากนัก น่าสนใจและน่าติดตาม? เรียกว่าไม่อยากพลาดสักช็อต ได้แอบอมยิ้ม ได้แอบหัวเราะ และแอบลุ้น ไปกับเขาและเธอ อีกทั้งแง่มุมความรักที่นำเสนอ ก็ไม่ได้เน้นไปที่ความรักในแบบหนุ่มสาวเพียงเท่านั้น คุณเรียวยังทำให้เราเห็นอีกว่าความรักแบบเพื่อนนี่แหละสำคัญไม่แพ้กัน
วิวสวยดี เรื่องก็โอเคแต่จบแบบ อ้าวแล้วปล่อยยิปโซอกหักแบบนั้นเลยหรอ? เพลงประกอบเพราะใช้ได้ รำคาญนิดหน่อยตรงชอบคุยผ่านวอ คือตอนไม่ผ่านวอก็แอบรำคาญเสียงตาร์ที่พูดไม่ค่อยชัด เจที่ว่าไม่ชัดแล้วยังชัดกว่า อันนี้ความเห็นส่วนตัวมาก ๆ คือเป็นคนไม่ชอบคนที่เวลาพูดเหมือนอมอะไรไว้ในปากตลอดเวลา มันอึดอัด
ในส่วนของนักแสดง 2 สาวที่เป็นเสมือนตัวแทนผู้หญิงคิดเองขอปรบมือให้ แม้จะยังไม่ค่อยได้เห็นผลงานของพวกเธอมากนัก แต่จากเรื่องนี้ การแจ้งเกิดของ”พลอย”ไม่ใช่เรื่องยาก พลอยทำให้คล้อยตามได้ว่าเธอคือสาวหูตึงจริง ๆ ความน่ารักและความเข้าใจในตัว”สุนทรี” ของพลอย ทำให้เรารู้สึกรักสาวหูตึงคนนี้ได้โดยง่าย ส่วนอีกสาวนางนึง“ยิปโซ”ที่คราวนี้สลัดมาดสาวแอ็บแบ๋วมาเป็นสาวแว่นหนาเตอะได้อย่างน่าเอ็นดู แม้จะยังไม่เชื่อสนิทใจก็ตาม ว่าเธอคือ เต๋อ แต่ภาพรวมของทุกตัวแสดง ทำให้มองข้ามจุดนี้ได้ไม่ยาก
แต่ที่ชอบมาก ๆ คือความรัก และความเข้าใจที่เต๋อมีให้เพื่อนสาวหูตึงอย่าง สุนทรี และอีกหนึ่งหนุ่ม เจ มณฑล ไม่น่าเชื่อว่าหนุ่มคนนี้จะมีแง่มุมขี้เล่นแบบน่ารัก ๆ ได้อย่างเหลือเชื่อ ในตอนท้าย ๆ ของเรื่องที่เป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ของส้มฉุน ไม่อยากจะบอกว่าเราลุ้นไปกับทุกอิริยาบทของเจ สุดท้ายไม่พูดถึงคงไม่ได้ สำหรับหัวหน้าทริปอย่าง ต้า บาร์บี้ และแฟนสาวหน้าหมวยที่มาช่วยเพิ่มสีสันให้กับการเดินทางครั้งนี้
ที่ชอบก็หลายประโยค “ตกลงหูตึงหรือไม่ได้ฟังกันแน่ เกิดขึ้นบ่อย ๆ เวลาคนเราได้ยินสิ่งที่ไม่ตรงกับใจ มันส่งผลให้ปากตอบไม่ตรงคำถามบ้าง ถามไม่ตรงคำตอบบ้าง 5555 อีกประโยคงง ๆ แต่เข้าใจได้ง่าย ๆ เลยนะ “สมมติมีคนอยู่สองคน เรารู้ว่าเค้ารู้ แต่เค้ารู้มั้ยว่าเราไม่รู้” นี่ก็เกิดเวลาที่คนอื่นคิดว่าเรารู้ เราสองสามคน เนื้อเพลง
รีวิว เราสองสามคน
รีวิว เราสองสามคน ผู้กำกับย้ำเสียงเข้ม “มันก็เหมือนถ่ายในเมืองไทยนี่แหละ เพราะถ่ายทำหนังมันเป็นภาษาเดียวกันน่ะ ต้องขออนุญาต อุปกรณ์ที่ใช้เหมือนกัน มีกล้องกับขา ก็ถ่ายได้แล้ว แต่ถ้ามากกว่านี้ซึ่งอาจจะช่วยให้การถ่ายทำดีขึ้น ก็ว่ากันไป แต่ต้องมีปรับบทให้เหมาะกับโลเคชั่น หรือสถานการณ์จริงด้วย มันคือประสบการณ์ใหม่หมดสำหรับผมนะ การซัพพอร์ตกองถ่ายทำหนังที่เวียดนามยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ แต่เขาก็อนุญาตและไม่ซีเรียสเรื่องการถ่ายทำมาก เพราะเวียดนามเองก็มีกองถ่ายทำสารคดีเข้าไปถ่ายเยอะ เขาดูแค่บทก็โอเคแล้ว ส่วนที่จีนถ้าไม่ได้ตั้งขา ก็ถ่ายได้เลย
อารมณ์เหมือนนักท่องเที่ยว ไปเจออะไรก็ยกกล้องขึ้นมาถ่าย ซึ่งสากลก็เป็นยังงี้ ยกเว้นสถานที่สำคัญ ๆ คงต้องขอเป็นเรื่องเป็นราว จะถ่ายมั่วซั่วไม่ได้” จากแรงบันดาลใจในความชื่นชอบท่องเที่ยว พเนจรไปทั่วทุกหนแห่ง ค่ำไหนนอนนั่น ไม่หวั่นไม่หวาด ผู้กำกับจึงได้ขยับขยายขายเป็นไอเดียเพื่อต่อยอดสู่หนังที่เน้นบรรยากาศแบบโรดมูวี่อันแฝงกลิ่นอายเรียลไทม์ของการถ่ายทำและอารมณ์คอเมดี้ เรียลเลิฟ นับแต่ได้ลงพื้นที่เซอร์เวย์ เราสองสามคน netflix
โดยการขับรถออฟโรดด้วยตัวเองตามแผนที่ที่กำหนดให้ว่าจะใช้เป็นโลเคชั่นในการถ่ายทำ ไม่หมดแค่นั้น กองถ่ายหนังเรื่องนี้ยังมีดีกรีความเรียลแบบนันสต็อปให้ได้ตื่นเต้นอย่างไม่หยุดหย่อน บทที่ปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ (ก็สไตล์ผู้กำกับเขาอ่ะ) ด้นการแสดงสด ๆ หน้ากล้อง (วิธีฆ่า อูย ไม่ใช่ วิธีปั้นดาราของผู้กำกับน่ะ) สั่งแอคชั่นแล้วทำเนียนเหมือนซ้อมกันเล่น ๆ (เพราะถ้าบอกเอาจริง ๆ มักไม่โอเคซักที) รอโลเคชั่นเป็นวัน ๆ (ผู้กำกับว่าเอาใจยากแล้ว ก็ยังแพ้ดินฟ้าอากาศอยู่ดี)
สรุป
เมื่อคนสามคน ที่ไม่ชัดกันคนละอย่าง ต้องมาเดินทางอยู่ในรถคันเดียวกันไปต่างบ้านต่างเมือง แล้วต้องชอบกัน รู้สึกดี ๆ ให้กัน สามเส้าแบบไม่ชัด ๆ มันจึงบังเกิดขึ้น ขณะที่การเล่นกับความ “ไม่ชัด” กลับทำได้โดดเด่นกว่าในแง่ของการสื่อสาร การที่คน ๆ หนึ่ง ฟังไม่ชัด กับอีกคนที่ เห็นไม่ชัด มาเจอกัน ชอบผู้ชายคนเดียวกัน กลายเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาได้ก็เพราะ ผู้ชายที่ถูกรุมชอบก็ไม่ชัดในเรื่องการแสดงออก เขาไม่พูดให้เคลียร์ ไม่โชว์ให้ชัด ว่าจริง ๆ ชอบใครกันแน่ ก็ทำให้ “เกิดเรื่อง” ได้ใน 29 วันของทริปนี้ขึ้นมา สุดท้าย ก็นั่งฮัมเพลงประกอบหนังเพลงเดิมอีกครั้ง เราสองสามคน pantip