รีวิว อันธพาล
สวัสดีครับพบกับภาพยนตร์ขวัญใจ วัยรุ่น ที่กำลังคึกคะนองเลย หนังไทยใหม่ล่าสุด แต่ถึงแม้ว่าหนังจะบอกเล่าเรื่องราวของนักเลงในสมัยนั้น แต่หนังก็ไม่ได้มีแนวคิดชักจูงเด็กให้ทำตาม ส ปอย หนัง แถมยังแฝงไปด้วยแง่คิดดี ๆ เกือบตลอดทั้งเรื่อง โดย อันธพาล ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี เป็นเรื่องราวของ นักเลงดังแห่งพระนครในยุคร็อคแอนด์โรลล์ ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ สมัยที่เจมส์ ดีน และ เอลวิส เพรสลี่ เป็นแรงบันดาลใจให้วัยรุ่นยุคนั้น “อันธพาล” ผลงานกำกับล่าสุดของผู้กำกับก้องเกียรติ โขมศิริ น่าจะเป็นอีกหนังไทยที่โดดเด่นของปีนี้ และ น่าจะได้เข้าชิงรางวัลด้านภาพยนตร์จากหลายสำนักเมื่อมีการประกาศกันปีหน้าครับ เพราะเป็นหนังไทยที่มีงานสร้างที่มีความละเอียด ปราณีต มีการแสดงอันยอดเยี่ยม และ มีวิธีการเล่าเรื่องที่สร้างสรรค์ และ น่าสนใจในแบบที่ยังไม่เคยเห็นหนังไทยเรื่องไหนทำมาก่อน นอกจากนี้แล้วยังเป็นหนังไทยที่ผมกล้าพูดได้เต็มปากว่าควรให้การสนับสนุนครับ
รีวิว อันธพาล
รีวิว อันธพาล ดูเหมือนว่าจุดมุ่งหมาย 2499 antapan krong muang (1997) 2499 อันธพาลครองเมือง ในการสร้างหนัง “อันธพาล” ของก้องเกียรติ ก็คือต้องการสร้างหนังแนวแก๊งสเตอร์ว่าด้วยวงการมาเฟียในประเทศไทย และ อยากบอกเล่าเรื่องราวของผู้คนเหล่านี้ในแง่ของความเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา แต่ก็ยังขยายขอบเขตของเรื่องราวไปถึงแง่มุมทางประวัติศาสตร์ วิถี และ เส้นทางชีวิตของคนที่เข้ามาในวงการนี้ว่าต้องเจอกับอะไร และ จะมีจุดจบอย่างไร
มุมมองของผู้คนที่ร่วมสมัยกับตัวละครต่อวงการนี้เป็นอย่างไร ซึ่งก้องเกียรติมีวิธีการในการเล่าเรื่องที่น่าสนใจด้วยการเอาการเล่าเรื่องแบบหนังปกติทั่วไปมาผสมกับรูปแบบของสารคดี โดยให้จ๊อด เฮาดี้ (กฤษดา สุโกศล แคลปป์) เป็นจุดศูนย์กลาง และ จุดเชื่อมต่อของทั้งหมดที่กล่าวมา
ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมในการใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อสร้างลูกเล่นของการเล่าเรื่องที่แปลกใหม่ และ น่ายกย่องในความกล้าหาญที่จะฉีกขนบการเล่าเรื่องหนังให้แตกต่างจากหนังไทยด้วยกัน แต่อย่างไรก็ดี ผู้กำกับก้องเกียรติยังใช้การเล่าเรื่องที่แปลกใหม่เหล่านี้ได้ยังไม่ลงตัวดีพอ
โดยเฉพาะช่วงหนึ่งชั่วโมงแรกของหนัง ทั้งนี้เพราะทั้งสามวิธีการเล่าเรื่องเหมือนจะมีเรื่องราวของมันเอง และ หนังเล่าเรื่องโดยให้ความสัมพันธ์ของทั้งสามส่วนเกือบเท่า ๆ กัน มีการให้รายละเอียดที่ยิบย่อยเกินไป ทำให้มาชิงความเด่นของกัน และ กัน และ ฉุดรั้งไม่ให้อารมณ์ดราม่าของหนังในช่วงนี้ไปได้สุดทาง แม้ว่ามันจะดูเก๋ไก๋ก็ตาม
เนื้อหาภาพยนตร์
ยุคที่ “อันธพาล” โด่งดังไปทั่วราชอาณาจักรของเมืองไทย อันธพาน คลองเมือง 2012 นักแสดง เหล่าอันธพาลต่างถูกยกย่องว่าเป็น “ฮีโร่” ผู้คนมากมายต่างนับหน้าถือตาในยุคนั้น ก่อนเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อ “จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์” ประกาศออกกฎหมายซ่องโจร กวาดล้าง และ ปราบปรามอันธพาลครั้งใหญ่ จากฮีโร่กลับกลายเป็น “ผู้ร้าย” หนีคุกทันที บ้างก็ถูกยิงตายข้างถนนอย่างไม่เหลือเกียรติใด ๆ รวมถึงอันธพาลดาวดังที่ชื่อ “แดง” กับ “จ๊อด” ก็ยังถูกจับติดคุกอยู่นานถึง 4 ปี มันคือสิ่งที่ถูกกล่าวขานกันมานาน
จากยุคร็อกแอนด์โรลเข้าสู่ยุคฮิปปี้ การกลับมาของอันธพาลรุ่นเก๋า “จ๊อด” (กฤษดา สุโกศล แคลปป์) และ “แดง” (สมชาย เข็มกลัด) เมื่อเส้นทางแห่งการเป็นนักเลงอันธพาลถูกกำหนดเอาไว้เรียบร้อย แดงชวนจ๊อดร่วมงานกับแก๊งเจ้าพ่อใหญ่
โดยทำหน้าที่เป็นผู้คุมบาร์ และ ตามเก็บทวงหนี้ จนทำให้ได้รู้จักกับอันธพาลรุ่นน้องสุดห้าว “ธง” (สาครินทร์ สุธรรมสมัย) และ “เปี๊ยก” (กฤษฎา สุภาพพร้อม) ที่ยกให้ทั้งคู่เป็นฮีโร่รุ่นพี่นักเลงในดวงใจ และ ฝันไว้สักวันจะต้องเป็นอันธพาลที่มีชื่อเสียงเหมือนแดงกับจ๊อดให้ได้
แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อจ๊อดเริ่มเข้าใจ และ รู้ซึ้งถึงความหมายของวงการนักเลงอันธพาลอย่างถ่องแท้ การใช้กำลังไม่ใช่หนทางที่ทำให้ผู้คนนับถือ ทัศนคติ และ มุมมองที่ต่างกันของคน 2 วัย กลับเป็นกระจกสะท้อนของกัน และ กันให้ได้เรียนรู้ถึง “ชีวิตที่ผ่านพ้น” กับ “ชีวิตที่กำลังจะเติบโต” ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง และ ขัดแย้งที่เกิดขึ้น ชะตากรรมของพวกเขาจะเป็นอย่างไร เมื่อพวกเขาเลือกเดินบนเส้นทางที่เรียกว่า “อันธพาล”
ความประทับใจ
เป็นหนังที่ผมค่อนข้างตั้งความหวังไว้ค่อนข้างสูง 2499 น้อย วงพรู ถึงแม้ว่าผมจะค่อนข้างเฉย ๆ กับหนังที่เกี่ยวกับยุคอันธพาลไทยโด่งดังในอดีตอย่าง 2499 อันธพาลครองเมือง ก็ตาม แต่เนื่องด้วย อันธพาล เป็นการกำกับของผู้กำกับแถวหน้าของไทยอย่าง พี่โขม ก้องเกียรติ จาก เฉือน ก็คงต้องมีการตั้งความหวังไว้เป็นธรรมดาหละ
ยุคที่ “อันธพาล” โด่งดังไปทั่วราชอาณาจักรของเมืองไทย เหล่าอันธพาลต่างถูกยกย่องว่าเป็นฮีโร่ ผู้คนมากมายต่างนับหน้าถือตาในยุคนั้น ก่อนเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อ “จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์” ประกาศออกกฎหมายซ่องโจร กวาดล้าง และ ปราบปรามอันธพาลครั้งใหญ่
จากฮีโร่กลับกลายเป็นผู้ร้ายหนีคุกทันที บ้างก็ถูกยิงตายข้างถนนอย่างไม่เหลือเกียรติใด ๆ รวมถึงอันธพาลดาวดังที่ชื่อ “แดง” กับ “จ๊อด” ก็ยังถูกจับติดคุกอยู่นานถึง 4 ปี มันคือสิ่งที่ถูกกล่าวขานกันมานาน โดยหนังเรื่อง อันธพาล จะเป็นการเล่าประวัติของเหล่าแกงค์อันธพาล ที่เคยโด่งดังในอดีต ในรูปแบบภาพยนตร์กึ่งสารคดีนั่นเองครับ
อันธพาล กำกับการแสดงโดย ก้องเกียรติ โขมศิริ หรือที่คนไทยเราคงรู้จักกันในนามผู้กำกับหนังแถวหน้า เพราะเขาคือผู้ที่เคยทำหนังสืบสวนแนวดาร์ค ๆ ขวัญใจคนดู และ นักวิจารณ์อย่าง เฉือน และ หนังมวยสุดซึ้งอย่าง ไชยา มาให้คนไทยได้อวดโฉมกันแล้ว โดยที่จริงแล้ว อันธพาล ได้มีกำหนดฉายไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่เนื่องด้วยปัญหาต่าง ๆ นานาทำให้สุดท้ายหนังเรื่องนี้ก็ได้มาฉายในกลางปีนี้แทน
โดยก่อนที่จะเข้าสู่รีวิว อันธพาล ผมต้องขอบอกเลยว่าส่วนตัวผมเป็นคนที่ค่อนข้างเฉย ๆ อย่างมากกับ 2499 อันธพาลครองเมือง และ เป็นคนที่ไม่ได้ชอบหนังที่มีเรื่องราวของการยกพวกตีกันมากสักเท่าไหร่นัก แต่สิ่งที่ผมต้องขอชมว่า อันธพาล สามารถทำออกมาได้เหนือ 2499 อันธพาลครองเมือง อย่างแรกเลยคงหนีไม่พ้นด้านการแสดงของ พี่น้อย กฤษดา สุโกศล แคลปป์ ในบทของ จ๊อด
ที่สามารถถ่ายทอดการแสดงที่ไม่ทรงพลัง แต่ต้องใช้คำว่า ‘ของจริง’ ออกมาได้อย่างน่าขนลุก และ เท่อย่างมีสไตล์ในแบบฉบับของตัวคาแรกเตอร์ พร้อมทั้งสิ่งที่ผมชอบใน อันธพาล เหนือกว่า 2499 คงหนีไม่พ้นการที่ พี่โขม ได้ใส่ใจเรื่องรายละเอียดในยุคสมัยที่หนังเล่นได้อย่างพิถีพิถัน
โดยเฉพาะในหลาย ๆ ฉากที่ดูแล้วรู้สึกอยากจะกลับไปยุคที่ โรงหนังยังสูบบุหรี่ได้ หรือแม้แต่ยุคที่คนไทยยังบ้า เอลวิส และ เจมส์ ดีน อยู่ ซึ่งอันที่จริงแล้วผมคิดว่า อันธพาล มีหลาย ๆ ส่วนของหนังที่สามารถทำออกมาได้เหนือ 2499 อันธพาลครองเมือง ได้อย่างมากมาย โดยเฉพาะการที่หนังได้เล่าเรื่อง กึ่งสารคดี แต่ก็น่าเสียดายที่หนังยังไปไม่ถึง
รีวิว อันธพาล
รีวิว อันธพาล อันธพาล เป็นเสมือนเป็นภาคต่อ ผู้การคํานึง ตัวจริง หรือตอนต่อให้สมบูรณ์จาก 2499 อันธพาลครองเมือง ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2540 ที่บอกเล่าถึงเรื่องราวของแก๊งนักเลงอันธพาลวัยรุ่น ที่มักขัดแย้งกัน และ ไล่ฆ่าฟันอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย ซึ่งถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก
ในครั้งนี้ ได้ ก้องเกียรติ โขมศิริ ทำหน้าที่เป็นผู้กำกับ ซึ่งเป็นผู้กำกับรุ่นใหม่ที่ได้รับการจับตามองจากผลงานเรื่องก่อนหน้านี้หลายเรื่อง ในครั้งนี้เป็นภาพยนตร์ที่เล่าจากมุมมองของตัวผู้กำกับเอง
ภาพยนตร์ได้รับเสียงวิจารณ์ว่างานสร้าง รวมถึงการแต่งตัวทำได้ดีไม่แพ้ 2499 อันธพาลครองเมือง เป็นอรรถรสทางสายตาที่น่าจดจำ เช่นเดียวกับบทภาพยนตร์ ที่สามารถเก็บรายละเอียดของตัวละครได้ครบถ้วนและ มีความลึกตื้นหนาบางตามบทบาทความสำคัญของแต่ละคน
ไม่เว้นแม้แต่ตัวละครประกอบอย่างน้าหำ นักเลงรุ่นลายครามซึ่งนอกจากจะเสริมทัพในการเป็นตัวสีสันของเรื่อง ตัวละครตัวนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงแก่นแท้ของชีวิตนักเลงอันธพาลออกมาได้อย่างลุ่มลึกสะเทือนอารมณ์อีกด้วย
ส่วนการแสดงต้องถือว่า กฤษดา สุโกศล แคลปป์ ที่รับบทเป็น จ๊อด และ ภคชนก์ โวอ่อนศรี ที่รับบทเป็น โอวตี๋ มือปืนผู้พิศมัยแต่เฉพาะการฆ่า เข้าถึงบทบาทได้อย่างดีมาก และ การดำเนินเรื่องยังสอดแทรกบทสัมภาษณ์จากบุคคลต่าง ๆ ทั้งชาย และ หญิง ที่เสมือนเป็นบุคคลที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์ครั้งนั้น
ก็ถือว่าเป็นสีสันอย่างหนึ่งที่ไม่ได้ทำเนื้อเรื่องสะดุดแต่ประการใด เพราะมีครบทุกรสทั้งแอ็กชั่น, ตลกขบขัน, สุขเศร้าและ ซึ้ง ขณะที่ฉากแอ๊คชั่นก็ดูดิบเถื่อน สมจริง และ เสมือนจะบอกว่า ภาพยนตร์มิได้สร้างมาจากเรื่องจริงทั้งหมด แต่เป็นการอ้างอิงมาจากปากคำของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เหล่านี้
บทสรุป
ถึงแม้ว่าหนังจะมีการตีคืนความดีในช่วงหลังดีขึ้นบ้างก็ตาม แต่สำหรับผมมันก็ยังไม่อาจจะสามารถช่วยตัวหนังทั้งหมดได้นัก เพราะไม่ว่าจะเป็นฉากไคลแมกซ์ หรือฉากเรียกอารมณ์ทั้งหลายจากคนดู ก็ต่างไม่สามารถทำให้คนดูอิน หรือว่าซาบซึ้งไปกับการกระทำของตัวละครได้
เนื่องด้วยเพราะในช่วงแรกของหนังได้ตัดต่อแบบโดดไปโดดมา แถมการที่หนังได้ใส่รายละเอียดยิบย่อย ที่ได้เติมประเด็นสาระ และ ข้อคิด อีกมากมายที่ 2499 อันธพาลครองเมือง ได้มองข้ามไป ในเริ่มแรกก็ดูเหมือนกับว่าจะเป็นข้อดีของหนัง แต่น่าเสียดายที่หลังจากหนังจบลงประเด็นเหล่านั้น หนังกลับพามันไปได้ไม่สะกิดต่อมคนดูเท่าไหร่นัก